หลักการเขียนบทความเพื่อเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
สถานภาพการรับรู้ข่าวสารและการสื่อสารของประชาคมโลกมีศักยภาพสูงขึ้นจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารในสังคมสมัยใหม่การเลือกรับข่าวสารต่าง ๆ มีความหลากหลายในเวลาเดียวกันอินเทอร์เน็ต กลายเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารของประชาชนทุกเพศทุกวัยและในทุกระดับกล่าวได้ว่าในปัจจุบันไม่มีใครที่ไม่รู้จักอินเทอร์เน็ต สื่อสมัยใหม่ตัวนี้มีบทบาทอย่างมากในการสื่อสาร ดังจะเห็นได้จากการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเผยแพร่ข่าวสารต่าง ๆ การสืบค้นเรื่องราวความรู้ในเรื่องต่างๆแทบทุกเรื่องทำได้อย่างรวดเร็วจนได้รับสมญานามว่า ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ลักษณะข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต มีลักษณะเป็นสื่อผสมผสานที่ประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และภาพจากวิดีทัศน์ หรือวิดีโอ คลิป ที่ขาดไม่ได้คือเสียงองค์ประกอบที่ทำให้เกิดชีวิตชีวาด้วยภาวะข้อมูลข่าวสารที่มีมากมายและความเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกด้าน บทความจึงมีหน้าที่เป็นช่องทางหนึ่งในการแสดงความคิดเห็นให้ความรู้ ชี้แนะ และอธิบาย บทความคือข้อเขียนประเภทหนึ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงบวกกับข้อคิดเห็นและเหตุผลที่เชื่อถือได้ของผู้เขียนต่อเหตุการณ์หรือสถานการณ์หนึ่งๆด้วยสำนวนภาษาที่แตกต่างกันขึ้นกับวัตถุประสงค์ของบทความแต่ละประเภทลักษณะเนื้อหาของบทความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมหรือเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้อ่าน
วัตถุประสงค์ของการเขียนบทความ
การเขียนบทความเพื่อเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตมีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกับบทความที่พบเห็นในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ดังนี้
๑. เพื่ออธิบาย มีลักษณะเป็นการให้ข้อมูล ให้ภูมิหลัง
และข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่ออธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย
ในเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่ซับซ้อน โดยใช้ภาษาที่ผู้อ่านทั่วไปเข้าใจได้
๒. เพื่อรายงานหรือกระตุ้นความสนใจ มีลักษณะคล้ายๆ
กับการเขียนเพื่ออธิบายหรือวิเคราะห์ซึ่งพิจารณาเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้อ่านควรรู้
และเป็นการรายงาน บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
๓. เพื่อให้ความรู้
การแสดงความคิดเห็นของบทความนี้คือการให้ความรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ในหลายระดับตั้งแต่เกร็ดความรู้เล็ก ๆ จนถึงความรู้ทางวิชาการ
๔. เพื่อเสนอแนวทางแก้ไข
เป็นบทความที่ผู้เขียนมุ่งอธิบายถึงข้อเท็จจริงที่มาของปัญหาตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมกับเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา
ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่งทางก็ได้
๕. เพื่อโน้มน้าวใจ เป็นบทความที่ผู้เขียนต้องการโน้มน้าวให้เกิดการคล้อยตามความคิดเห็นในเรื่องที่กำลังนำเสนอส่วนมากมักเป็นประเด็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือโครงการรณรงค์ต่าง ๆ เช่น สร้างความเป็นไทยส่งเสริมให้ใช้ของไทยประหยัดการใช้พลังงาน เป็นต้น
๖. เพื่อวิเคราะห์หรือวิจารณ์ การวิเคราะห์เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงหรือประเด็นปัญหา
ตามหลักวิชาการ ชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสีย และผลกระทบ
โดยอ้างเหตุผลที่น่าเชื่อถือประกอบการวิเคราะห์อย่างรอบด้านและในส่วนการวิจารณ์จะเน้นในความคิดเห็นของผู้เขียนเป็นหลัก
ซึ่งมาจากความรู้และประสบการณ์ที่มีโดยมองปัญหารอบด้านในทุกมิติเพื่อให้ได้ความคิดเห็นที่เที่ยงตรง
๗. เพื่อความเพลิดเพลิน เป็นการนำเสนอเรื่องเบา ๆ ที่ผ่อนคลาย
เพื่อสร้างอารมณ์ขันด้วยลีลาภาษาที่ไม่เป็นทางการเกินไป
ประเภทบทความ
บทความที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต แบ่งออกได้เป็น ๔ ประเภท ดังนี้
ประเภทบทความ
บทความที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต แบ่งออกได้เป็น ๔ ประเภท ดังนี้
๑. บทความแนะนำวิธีปฏิบัติ
เป็นบทความที่มุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติ
และคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออธิบายวิธีการ
กระบวนการในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินชีวิต
บทความประเภทนี้ เช่น วิธีการประหยัดไฟ การดำเนินชีวิตในยุคข้าวยากหมากแพง
วิธีการประกอบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
๒. บทความแสดงความคิดเห็นทั่วไป
เป็นบทความที่มุ่งแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องใดเรื่องที่น่าสนใจทั้งประเด็นทางสังคม
เศรษฐกิจ หรือเป็นเรื่องที่ควรรู้ กำลังอยู่ในกระแสความสนใจ โดยเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งนั้นในแง่มุมต่าง
ๆ และแสดงความคิดเห็น บทความประเภทนี้อาจเสนอแนวคิดใหม่ๆ
ที่น่าสนใจที่แตกต่างจากเดิมก็ได้
ความคิดเห็นที่เสนอในบทความนี้จะหนักเบาขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการเขียนและประเด็นเรื่องที่นำเสนอ
ซึ่งอาจมีตั้งแต่เรื่องการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา สิ่งแวดล้อม
สุขภาพ จนถึงเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป
บทความแสดงความคิดเห็นที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตมักจะเชิญชวนให้ผู้ใช้แสดงความคิดเห็นได้ด้วย
เป็นการสื่อสารแบบสองทาง
๓. บทความเชิงวิชาการ เป็นบทความที่มุ่งถ่ายทอดความรู้ ความคิด
หรือความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
โดยนำเสนอข้อมูลที่เที่ยงตรง น่าเชื่อถือ
การเขียนบทความประเภทนี้จำเป็นต้องมีการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร
หรือจากบุคคลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ
และความคิดเห็นที่นำเสนอต้องอ้างเหตุผลตามหลักวิชาการมารองรับ มีการอ้างอิงหลักฐานหรือผลงานวิจัยประกอบการอธิบาย
๔. บทความวิเคราะห์ เป็นบทความที่มุ่งวิเคราะห์เหตุการณ์ สถานการณ์ที่กำลังเป็นที่สนใจที่มีผลกระทบต่อคนในสังคมโดยการให้ ภูมิหลัง เหตุผล ชี้ประเด็น แสดงความคิดเห็น บทความวิเคราะห์เป็นความคิดเห็นของบุคคลคนเดียว ซึ่งถ้ามีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียนจะได้รับความเชื่อถือหลักการเขียนบทความ
บทความที่ดีต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3
ส่วน นั่นคือสาระเนื้อหา ความคิดและภาษา
โครงสร้างการเขียนจึงเปรียบเหมือนกรอบที่ผู้เขียนกำหนดเนื้อหา
แนวคิดที่น่าสนใจด้วยสำนวนภาษาที่ดีและเหมาะสมเพื่อให้ได้บทความแต่ละประเภทตามต้องการ
โครงสร้างการเขียนบทความประกอบด้วย ชื่อเรื่อง ความนำ เนื้อเรื่อง และบทสรุป
แต่ละส่วนมีบทบาทหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ของการเขียนดังนี้
๑. ชื่อเรื่อง มีบทบาทในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้สนใจอยากอ่านบทความ จึงเป็นข้อเขียนที่สื่อสารให้ผู้อ่านทราบว่าเรื่องที่จะเขียนเป็นเรื่องอะไร การตั้งชื่อเรื่องที่ดีต้องบอกใจความสำคัญ ประเด็นหลักของเรื่อง เพื่อให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน จึงควรสั้นกระชับ ได้ใจความ จดจำได้ง่าย กระตุ้นความสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้อ่าน ชื่อเรื่องที่ดีต้องสนองวัตถุประสงค์ของการเขียน สะท้อนประเด็นปัญหาที่นำเสนอ นอกจากนี้เทคนิคการนำเสนอก็จะมีส่วนช่วยในการทำให้ชื่อเรื่องดูสะดุดตาอีกด้วย การตั้งชื่อเรื่อง มีหลายลักษณะ เช่น
- ชื่อเรื่องแบบสรุปเนื้อหา เป็นชื่อเรื่องที่บอกถึงเนื้อหาของบทความว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
- ชื่อเรื่องแบบคำถาม เป็นชื่อเรื่องที่เป็นคำถาม เพื่อกระตุ้นให้คนอยากรู้
- ชื่อเรื่องแบบคำพูด เป็นชื่อเรื่องที่เป็นคำพูดซึ่งเป็นประเด็นหลักของเรื่องที่จะเขียน
- ชื่อเรื่องแบบอุปมาอุปมัย เป็นชื่อเรื่องที่เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ
๒. ความนำ มีบทบาทจูงใจความสนใจของผู้อ่านให้ติดตามเนื้อเรื่องต่อไปจนจบ ด้วยลีลาภาษาที่กระชับ ไม่เยิ่นเย่อ เสนอประเด็นหลักของเรื่อง ความนำที่ดีต้องสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้อ่านให้อยากอ่านบทความต่อไป ว่าเรื่องต่อไปจะเป็นอะไรมีความสำคัญและน่าสนใจตรงไหน นอกจากนี้ยังอาจบอกถึงประเด็นเรื่องที่จะเสนอในเนื้อหาด้วย ความนำของบทความต้องสื่อความคิดของผู้เขียนทันทีเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน การเขียนความนำมีหลายแบบ เช่น แบบพรรณนา แบบบรรยาย แบบคำถาม แบบเปรียบเทียบ แบบสร้างความสงสัย
๓. เนื้อเรื่อง มีบทบาทในการนำเสนอประเด็นเรื่องอย่างละเอียดโดยใช้เทคนิคที่ชวนให้ติดตาม เนื้อเรื่องมาจากข้อมูลที่ผ่านการค้นคว้าจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เนื้อเรื่องหรือประเด็นเรื่องเป็นส่วนที่สำคัญไม่น้อย ฉะนั้นการกำหนดประเด็นเรื่องที่จะเขียนควรเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้อ่าน หรือมาจากความสนใจของผู้รับผิดชอบในการจัดทำสื่ออินเทอร์เน็ต
๔. บทสรุปหรือบทลงท้าย มีบทบาทในการเสริมย้ำประเด็นสำคัญ สรุปสาระสำคัญของเรื่อง สร้างความประทับใจให้ผู้อ่าน บทสรุปเป็นส่วนที่อยู่ท้ายสุดของเรื่องแต่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นส่วนที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้อ่านส่วนนี้ผู้เขียนต้องเน้นย้ำ ความคิดเห็นหรือจุดยืนอย่างชัดเจน ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญในเชิงสรุป
ลักษณะข้อเขียนที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
ข้อเขียนที่ปรากฏทางอินเทอร์เน็ตมีลักษณะเฉพาะกล่าวคือเป็นข้อความที่สั้นกระชับเน้นประเด็นสำคัญของเนื้อหา ข้อเขียนทางอินเทอร์เน็ตมีลักษณะ ดังนี้
๑. เน้นประเด็นสำคัญที่เป็นจุดเด่นของเนื้อหา เพื่อให้ข้อความที่จะสื่อสารไม่ยาวเกินไปนักข้อเขียนที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตจะนำเสนอประเด็นที่เป็นจุดเด่นของเนื้อหาโดยตรงลักษณะข้อเขียนจึงเป็นหัวข้อเรื่องและจะอธิบายเกี่ยวกับหัวเรื่องนั้น ๆ ในสาระสำคัญเท่านั้น และจะใช้ภาพประกอบในการอธิบายเนื้อหาให้เห็นเป็นรูปธรรม ทั้งนี้เพื่อช่วยไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายในการอ่านข้อความยาวๆ
๒. มีการเชื่อมโยงเนื้อหาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งที่เรียกว่า การลิงค์ข้อความ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและอ้างอิงเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้
๓. มีสารบัญเนื้อหาปรากฏอยู่ทุกหน้าของจอภาพเพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลเนื่องจากการอ่านข้อความย้อนกลับไปกลับมาทำให้ไม่สะดวก การออกแบบหน้าจอจึงควรมีสารบัญเนื้อหาควบคู่ไปกับการแสดงข้อความต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลได้ทันที
๔. ใช้สำนวนภาษาที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย และมีประเด็นเนื้อหาที่ชัดเจน รูปแบบสำนวนภาษาที่ใช้บนอินเทอร์เน็ตต้องกระชับ ไม่เยิ่นเย่อ แต่เข้าใจง่าย และควรหลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่เข้าใจยาก
๕. มีภาพหรือแผนภูมิหรือภาพเคลื่อนไหวประกอบเนื้อหาที่นำเสนอ เพื่อให้เกิดความสะดุดตา น่าติดตาม เรื่องนี้นับเป็นจุดเด่นของการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต เพราะสามารถสื่อความหมายได้ดี นับเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของข้อเขียนที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
บรรณานุกรม
อมรพรรณ ซุ้มโชคชัยกุล. ๒๕๖๓. หลักการเขียนบทความเพื่อเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต.
เข้าถึงได้จาก : https://bit.ly/3ap8uKd [๒๕๖๓, มีนาคม ๒๗]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น